วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

กลอนแต่งเล่น

กำเนิดกามเทวี
เมื่อนางสิงห์กำราบปราบข้าศึก คะนองคึกไล่ล่าน่าผวา
แผ่นดินชุ่มโชกเลือดผู้มรณา จอมเทพทรงบัญชาให้หยุดการ
แต่ครั้นเมื่อองค์สิงหเทวี ได้ลิ้มรสกลิ่นสีโลหิตสาร
ก็ยินดีปรีดาดังพญามาร บ่ใยดีพระสาสน์องค์ราชันย์
พระดำรัสไร้ซึ่งอำนาจผล ก็แทนด้วยเล่ห์กลทรงรังสรรค์
ทรงตรัสสั่งนักบวชราชกันย์ กระทำตามพระบัญชาของเทพ"รา"
เริ่มจากการหมักเหล้าข้าวบาร์เลย์ แล้วจึงเทดินแดงเกาะคชา
เมื่อเม็ดดินเข้าผสมอมสุรา ก็กลับกลายอุปมาดังเลือดคน
แล้วราดซัดสาดใส่ลงผืนดิน ครั้นนางสิงห์แรงสิ้นที่กลางหน
หิวกระหายโซเซสุดจะทน เห็นเหล้าเลือดลานลนเข้าเลียกิน
หลังลิ้มรสน้ำโสมนางเมามาย ตื่นมานางอับอายเสียศักดิ์สิ้น
ทั้งไล่ฆ่าเลิกฆ่าก็เพราะลิ้น นางกลับเข้าเฝ้าพระปิ่นภูวนัย
พญาสีห์ยอมรับกับความผิด ด้วยคิดติดในรสอดมิได้
จึงพลาดฆ่ามนุษย์บริสุทธิ์ไป ขออภัยองค์เทพกษัตรา
มหาเทพตรัสบอกพญาสิงห์ เจ้าจงเป็นมหิงสเทวา
ณ บัดนี้เจ้าจะเปลี่ยนนามา กลายเป็นกามเทวี”ฮาร์เธอร์”

เป็นเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเทพของอียิปต์ เราแต่งมานานแล้ว เพิ่งเอามาใส่


ณ แรกรักเริงร่าระร้อนแรง ดุจดวงดาวพราวแสงส่งรังสี
แสนสุขจิตคิดเกษมปริ่มเปรมปรีด์ ชื่นฤดีฉ่ำฤทัยใจเบิกบาน
ณ เนิ่นนานผ่านไปใจเปลี่ยนแปลง ให้เหี่ยวแห้งหดหู่หึงหักหาร
ขุ่นเคืองคับข้องจิตคิดรำคาญ จึ่งพาพาลผลาญรักหักสัมพันธ์

พอดีนึกถึงเรื่องของเพื่อนคนนึงแล้วนึกกลอนนี้ขึ้นมาได้ โทษทีนะถ้ากลอนบทนี้มันสะเทือนใจแก


ปฐมบทตำนานมหาเทพ
แรกเริ่มไร้ซึ่งสรรพสิ่ง จะอ้างอิงได้เพียงสายนาวา
นามว่า"นุน"อัครเทพธารา ในห้วงอรูปจักรวาล
แล้วบังเกิดบงกชบุษบา เหนือมหากระแสสุรสาร
ครั้นมงคลดิถีบัวคลี่บาน ก็ประสูติการองค์เทวินทร์
ทรงกำเนิดจากดอกกมลา พระนาม"รา"มหาเทพปักษิน
มหิทธิฤธิ์เหนือหล้าแลผืนดิน พระเกียรติก้องสุดสิ้นผืนโลกา
พระรูปลักษณ์สุดแสนวิลาศเลิศ พระเศียรเกิดเป็นเบนนูหนึ่งปักษา
อีกมนุษย์นั้นเป็นพระกายา อีกดวงตา"วัตจัต"อัศจรรย์
ด้วยพระเนตรดั่งว่ามีชีวี จรลีจากร่างจากสวรรค์
ร้างจากร่างแห่งองค์พระเทวัน เมื่อครั้นทรงสร้างสรรพชีวา
ทรงเนรมิตประสิทธิรังสรรค์ เหล่าพงษ์พันธุ์นรชาติอีกพฤกษา
สรรพสัตว์ทั้งฤทธิเทววา ตลอดจนโลกาทิฆัมพร
ทรงประธานสุวรรณรังสี สาดส่องปฐพีมิมีผ่อน
เกิดเป็นแสงสว่างและความร้อน ด้วยอมรจรฤทธิ์ประสิทธิ์ไกร
พระองค์ทรงประทับเรือ"แมนเจต" ทอดพระเนตรทุกเขตขันธ์ท่านพิสัย
เสด็จแล่นผ่านฟ้าสุราลัย คือเด่นดวงอโณทัยวิไลพรรณ
เริ่มจากทิศบูรพามาประจิม ขจัดหิมกาลกลางวานวัน
ครั้นกลางคืนกลับกลายเปลี่ยนแปรผัน เป็นเหมันตกาลกลางทะเลทราย
ด้วยสุริยเทวันนั้นนิราศ ทรงประพาสมาดมุ่งยังจุดหมาย
มตภพ"ดูอัด"แห่งความตาย ทรงย่างกรายทอดพระเนตรหลังวางวัน
ครั้นผันผ่านวันวานสังขารหมด สวรรคตวางวายให้อาสัญ
คือมนุษย์เศร้าเหงาอุราพลัน เมื่อสิ้นแสงสุริยันเป็นราตรี
แล้วแสนสุขสดใสในอุษา อุปมาดังองค์สุรสีห์
พ้นคาบค่ำขึ้นฟื้นคืนชีวี แล้วสาดแสงสุรีย์ดังก่อนมา
ทรงประสูติกาลในยามเช้า พระองค์เจ้าดังเด็กไร้เดียงสา
แล้วเติบใหญ่ชายฉกรรจ์อันเวลา ประทับกลางท้องนภา ณ เที่ยงวัน
เมื่อเสด็จยังขอบฟ้าในยามเย็น ก็เปลี่ยนเป็นชายชราชีวาผัน
กลางคืนสิ้นชนมาโศกาบัลย์ แล้วเกิดใหม่อีกครั้นสืบกันมา
ระหว่างทางทรงปะทะพญางู "อโปฟิส"ผู้อาจหาญประจันหน้า
สับประยุทธสุดสำแดงด้วยแสนยา เพื่อหมายผลาญชีวาองค์เทวินทร์
แต่มิว่ามีฤทธิ์มากเท่าใด ก็ไม่อาจเทียบได้องค์ปักษิน
อีกอนุเทพเบื้องบาทพระบดินทร์ จึ่งต้องสิ้นกำลังกลับหลังไป
แม้นบางคาบพระองค์ทรงเสียที ถูกพระยาวาสุกรีอุบอมไว้
จึงสิ้นแสงสุริยาในทันใด กลับกลายเป็นสุริยุปราคา

นี่คือ ปฐมบทของตำนานเทพเจ้าอียิปต์ แค่เรื่องนี้ก็ใช้เวลาแต่งร่วมเป็นปีเลย ขนาดเป็นแค่เสี้ยวเดียวเอง ตอน ม.ปลาย ตั้งใจว่าจะแต่งจนจบทั้งหมด แต่ความขี้เกียจของเราเกินคาด เลยเพิ่งจบไปแค่ตอนเดียว